China
คงจะดีกว่าถ้าทุกปัญหาสุขภาพมีทางเลือกที่ 2 โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรังจากความเสื่อม เช่น ข้อเข่าเสื่อม กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท กล้ามเนื้อหลังเสื่อมสภาพ อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรืออุบัติเหตุ ที่นับว่าเป็นอาการยอดฮิตปัญหาสุด HOT ของคนในยุคปัจจุบันที่เจอกันอยู่มากมาย ในทุกช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต เริ่มตั้งแต่ อาการปวดในกลุ่มผู้สูงอายุ อาการปวดในกลุ่มนักกีฬา รวมไปถึงกลุ่มคนในวัยทำงาน ที่นับวันก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น
แต่หลายคนเลือกที่จะปล่อยไว้และไม่เข้ารับการรักษา เพราะคิดว่าทางเลือกของการรักษาปัญหาเหล่านี้ มีเพียงการทานยาหรือการผ่าตัดเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่แท้จริงแล้ว การฟื้นฟูปัญหาอาการปวดที่เรื้อรังนั้น นอกเหนือจากทานยา ฉีดยา และการผ่าตัดแล้ว ยังมีวิธีการรักษาที่พร้อมจะบรรเทาปัญหาอาการปวด โดยที่คุณไม่ต้องเสี่ยงหรือกังวลกับผลข้างเคียง อันไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดตามมาได้ ด้วยการใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ส่วนประกอบของเซลล์ในร่างกาย เช่น เกล็ดเลือดของผู้ป่วย รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจากการแพทย์ที่ก้าวหน้า ด้วยเครื่องมือทางกายภาพบำบัด ซึ่งจะช่วยให้อาการปวดนั้นฟื้นตัวได้รวดเร็ว ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดังเช่นที่เคยเป็น โดยไม่ต้องเผชิญกับปัญหาอาการปวดเรื้อรังที่หลาย ๆ คนนั้นเป็นกันอยู่
อาการปวดเรื้อรัง คือ อาการแบบใด และจะส่งผลกระทบกับร่างกาย ของผู้ป่วยได้มากน้อยเพียงใด และการแพทย์แบบบูรณาการจะตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาอาการปวดนี้ได้เช่นไร บทความนี้มีคำตอบให้ได้ศึกษากัน
อาการปวดเรื้อรัง (Chronic Pain) คือ อาการปวดที่มีระยะเวลาต่อเนื่องมากกว่า 3 เดือน โดยอาจจะเป็นอาการปวดเล็กน้อย ปวดมาก ปวดต่อเนื่อง ปวดไม่หายสักที ซึ่งคนไข้แต่ละคนจะมีความอดทนต่ออาการปวดได้ไม่เท่ากัน บางคนทนได้ บางคนทนไม่ได้ ขึ้นกับปัจจัยแตกต่างกันไปทั้งจิตใจร่วมด้วย
อาการปวดเรื้อรังสามารถเกิดได้ทั่วตัว ตั้งแต่ปวดคอ ปวดศีรษะ ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดข้อ ปวดกระดูก เป็นต้น ที่พบบ่อยก็คือ ปวดคอ และปวดหลัง จากการปวดอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่น ปวดตื้อๆ ปวดจี๊ดๆ ปวดแทง ปวดแปล๊บๆ เป็นต้น
ความพิเศษของการรักษาอาการปวดเรื้อรังแบบการแพทย์บูรณาการ
การรักษาแบบการแพทย์บูรณาการ เราเน้นหลักสำคัญของอาการปวดเรื้อรัง นั่นก็คือการค้นหาสาเหตุที่ซ่อนอยู่ ไม่ใช่แค่เพียงการบรรเทาอาการเหมือนเช่นการรักษาโดยทั่วไป เมื่อพบสาเหตุแล้วแพทย์จะวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคลซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่
การให้เวลาพูดคุย ซักประวัติ และตรวจ Bio Energetic Scan เพื่อตรวจหาพลังงานของเซลล์ในร่างกายเพื่อดูความเสื่อมในส่วนต่างๆ ประเมินภาวะสมดุลทางพลังงาน มีระดับพลังงานของอวัยวะต่างๆ อย่างไร มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอย่างไร สามารถตรวจได้โดยไม่ต้องเจาะเลือด ไม่ต้องอดอาหาร ไม่เจ็บ ใช้เวลาเพียง 30 นาที และนอกจากผลตรวจแพทย์จะใช้วิธีการตรวจร่างกายร่วมกับการกดคลำไปตามจุดต่างๆเพื่อหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการปวดร่วมด้วย
การฉีดจุดไปยังตำแหน่งที่เป็นต้นเหตุของการปวด (Regenerative Injection Therapy)
ได้แก่
o Prolo Therapy การฉีดยาเข้าไปบริเวณจุดที่ปวด กระตุ้นให้เนื้อเยื่อโดยรอบๆ
เกิดขบวนการซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้อาการปวดดีขึ้น
o Blood component extract เป็นการฉีดเกล็ดเลือดของตนเองที่ดูดออกมาผ่านขบวนการกระตุ้น และฉีดกลับไปยังจุดที่ต้องการรักษา โดยเกล็ดเลือดจะมีการสร้าง Growth Factor ออกมา เพื่อกระตุ้นเซลล์ รวมทั้งเซลล์เริ่มต้น ให้มาซ่อมแซมเนื้อเยื่อในจุดที่ฉีด
o
ใช้สารธรรมชาติทำหน้าที่ทดแทนส่วนที่สึกหรอ เป็นสารธรรมชาติที่ทำหน้าที่ทดแทนเปปไทด์ที่สึกหรอและขาดหายไปช่วยประสานงานภายในเซลล์
ช่วยฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ต่างๆ สร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตาย
การทำกายภาพบำบัด โดยการใช้เครื่องบำบัดปวดด้วยแสงเลเซอร์กำลังสูง (High Power Laser
Therapy)ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดีในระยะเฉียบพลันและกึ่งเฉียบพลัน เช่น ปวดจากการบาดเจ็บ เคล็ด ขัดยอก
อักเสบบวมแดงตามข้อและแขนขา และรวมถึงอาการชาตามปลายมือปลายเท้า และเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้าช่วยคลายกล้ามเนื้อ
(Peripheral Magnetic Stimulation: PMS) ช่วยบำบัดลดอาการปวดได้ดีทั้งอาการปวดที่เกิดจากเส้นประสาทและไม่ใช่เส้นประสาทโดยได้ผลดีในกลุ่มที่มีอาการปวดหรือชาจากเส้นประสาท
เช่น กระดูกสันหลังคอ หรือเอวเสื่อมกดทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกเคลื่อน ปวดชาเกร็งจากอัมพฤกษ์ อัมพาต
บาดเจ็บเส้นประสาทแขนขา เป็นต้น
แนะนำการปฎิบัติตัว การใช้ท่าทางชีวิตประจำวันที่ถูกต้องทั้งการยืน เดิน นั่ง
นอน พร้อมทั้งแนะนำการบริหารร่างกายเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง การดูแลด้วยวิตามินและอาหารเสริม
